ด้วยวัสดุไททาเนียมทำให้รากฟันเทียมสามารถอยู่กับเราได้ตลอดชีวิตอายุการใช้งานของรากฟันเทียมขึ้นกับการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากให้ดี ไม่ให้มีหินปูนเกาะที่รากเทียมอันจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้, ควรนัดตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำทุก 6 เดือนและไม่ควรเอาฟันไปงัดหรือกัดของแข็งจนอาจทำให้ฟันแตกได้
- การดูแลสุขภาพของช่องปากและฟันทำตามปกติได้เน้นให้ดูแลทำความสะอาดบริเวณที่ทำฟันรากเทียมและเหงือกโดยรอบเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้หินปูนมาเกาะควรใช้ไหมขัดฟันร่วมกับไหมขัดฟันชนิดพิเศษ (Superfloss) ,ใช้แปรงซอกฟัน, หรือเครื่องพ่นน้ำทำความสะอาดฟัน(Waterpik) เพื่อช่วยขจัดเศษอาหารคราบจุลินทรีย์ และแบคทีเรีย อาจเกาะอยู่ตามฟันและแนวเหงือกได้ดีขึ้น
- ในช่วงปีแรกหลังการทำรากฟันเทียมคุณหมอจะนัดตรวจฟันเป็นช่วง ๆ (1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน) หลังผ่านไป 1 ปี หากเป็นไปได้ควรมาพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยทุก 6 เดือนเพื่อเช็คสภาพรากฟันเทียมเพราะอาจพบปัญหาฟันซี่อื่นๆเช่น ฟันผุ หินปูน เพื่อทำการรักษาฟันและเหงือกให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อรากฟันเทียมเช่น การเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวเกินไปจนอาจทำให้ครอบฟันแตกได้, การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จัด
- หากนอนกัดฟันประจำ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพราะอาจต้องใช้อุปกรณ์พิเศษเช่น Night guard
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด เพราะจะทำให้แผลหายยากและติดเชื้อง่าย หากจะทำต้องเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ก่อน
- มีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- มีสุขภาพจิตไม่สมบูรณ์ไม่สามารถควบคุมตนเองหรือสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้
- คนที่ได้รับยารักษากระดูกพรุน (bisphosphonate)
- อายุน้อยที่ยังมีการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร